เครื่องวัดออกซิเจน

เครื่องวัดออกซิเจน
all in one gadget ห่วงใยสุขภาพคุณ

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ตามรักคืนใจ แค่ตอนที่ 1 ก็สนุกลุ้นกันมันส์หยดเลยทีเดียว

ตามรักคืนใจ
ตามรักคืนใจ ตอนที่ 1

ณ จุดชมวิวหน้าผาสูงจังหวัดเชียงราย...นาราหรือหนูนา หลานสาวคนเดียวของเจ้าสัววรรณ วรรณ-พาณิช ประธานธนาคารและมหาเศรษฐีคนดังกำลังพยายามทรงตัวอย่างยากลำบากเพื่อพิชิตภารกิจ สำคัญของทริปนี้

ความจริงทริปนี้นาราตามมาเที่ยวกับเพื่อนซี้จุฑารัตน์หรือจุ๊ นักข่าวสาวขาลุย ซึ่งมาหาข้อมูลทำสกู๊ปพิเศษ แต่เพราะอีกฝ่ายมัวยุ่งกับงาน เธอเลยตัดสินใจขึ้นมาที่จุดชมวิวสุดพิเศษนี้ตามลำพัง

และในที่สุดนาราก็ทำสำเร็จ ได้นั่งชมวิวบนหน้าผาสูงสมความตั้งใจ และความสวยงามตรงหน้า รุ้งกินน้ำสีสวย ก็ทำให้เธอหวนคิดถึงอดีต ภาพความทรงจำวัยเด็ก ตอนพ่อพาเธอไปดูรุ้งกินน้ำเป็นครั้งแรก

“จำไว้นะลูก...นารา ชีวิตพ่อผ่านอะไรยากเย็นมามาก แต่ถึงลำบากแค่ไหน พ่อก็ไม่ยอมแพ้ เพราะว่าพ่อมีหนู...หนูคือรางวัลของพ่อ เป็นความหวังของพ่อคือสิ่งสวยงามที่สุด ลูกคือสายรุ้งของพ่อ”

คำพูดของพ่อตราตรึงในหัวใจเธอเสมอ แม้วันนี้พ่อจะไม่ได้อยู่กับเธอแล้ว

“พ่อคะ...หนูนาพาพ่อมาดูรุ้งของเราค่ะ พ่อคงอยู่บนสายรุ้งและกำลังมองนาอยู่ใช่ไหมคะ”

จบคำก็ยกภาพถ่ายใบเก่าของพ่อมาแนบแก้มคิดถึงและโหยหาความรักจากพ่อเหลือเกิน แต่ก็รู้ดีว่าคงเป็นไปไม่ได้ เพราะพ่อสุดที่รักของเธอตายจากไปนานแล้วตั้งแต่ตอนเธอเป็นเด็กๆ

หลังชื่นชมกับธรรมชาติงดงาม ดื่มด่ำกับความทรงจำเก่าๆจนเป็นที่พอใจ นาราก็ตัดสินใจกลับ แต่ไม่ทันขยับไปไหน ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงปืนดังลั่นหลายนัด!

สีหนาทหรือสิงห์ เจ้าของไร่สักสัตตบุษย์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าไร่บัวขาว หนุ่มหล่อมาดกวนแต่จริงใจ เห็นหญิงสาวร่างเล็กท่าทางเหมือนไม่รู้เรื่องจะเดินเข้าทางปืน ขัดขวางแผนดักจับพวกตัดไม้เถื่อนของเขา เลยรีบดึงตัวมากอดและปิดปากเธอแน่น พร้อมขู่เสียงทุ้มต่ำข้างหูให้เงียบและอย่าขยับ ถ้าไม่อยากตาย!

นาราใจหายวาบ เมื่อเห็นท่อนแขนกำยำโอบรอบตัว ไหนจะมือกร้านที่ปิดปากเธออีก แต่เวลานี้คุณหนูร่างเล็กไม่มีทางเลือก ยอมขยับตามเขาแต่โดยดี เพราะดูท่าจะปลอดภัยกว่าวิ่งฝ่าดงกระสุนปืนเป็นแน่

เมื่อลากสาวร่างเล็กไปหลบในซอกไม้ใหญ่ได้แล้ว สีหนาทจึงยอมปล่อยมือ แต่อีกฝ่ายคงตกใจมาก เลยโวยใหญ่ที่เขาทำตัวเป็นอันธพาล จับตัวเธอลากไปโน่นมานี่ตามใจชอบ

สีหนาทส่ายหน้าเซ็งๆ “นี่...ยายเด็กทะเล่อทะล่า ฉันก็ไม่ได้อยากแตะตัวเธอนักหรอก แต่เธอมาอยู่ในเขตปะทะ เขาไม่ให้ขึ้นมาแล้ว แต่เธอก็ทะเล่อทะล่าขึ้นมาเอง ไม่โดนยิงตายก็บุญแล้ว”

นาราหน้าเสีย แต่ยังสวนเสียงเขียว “ก็ฉันไม่รู้ไม่ให้อยู่ ฉันลงไปก็ได้”

แต่ไม่ทันทำตามที่พูด หนุ่มตัวโตท่าทางกวนประสาทที่เธอยังไม่รู้ชื่อก็กระโจนถึงตัวอีกครั้ง พร้อมเสียงปืนดังลั่นอีกชุดใหญ่ และคราวนี้นาราก็ไม่กล้าโวยอีก เพราะไม่ใช่แค่เสียงปืน แต่เจ้าของเสียงปืนสองร่างก็ปรากฏตัวด้วย

สีหนาทถอนใจยาว ก่อนจะสั่งสาวร่างเล็กเสียงเข้ม “นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ ถ้ายังอยากกลับบ้านไปหาพ่อแม่ อย่าทำแบบเมื่อกี้อีก ฉันจะล่อมันไปทางอื่น ส่วนเธอ...อย่าไปไหนอยู่ตรงนี้นิ่งๆ”

จบคำก็วิ่งล่อเหล่าคนร้ายไปอีกทาง ทิ้งให้นาราคิดหนัก ไม่รู้จะเชื่อคำพูดเขาดีหรือไม่ แต่เสียงปืนดังลั่นไม่หยุด ก็ทำให้เธอตัดสินใจไปตายดาบหน้า ทะเล่อทะล่าออกจากที่ซอกไม้ใหญ่ และวิ่งหนีลงจากจุดชมวิวแบบไม่คิดชีวิต

สีหนาทมองตามร่างเล็กแล้วอยากจะเป็นบ้าตาย แต่หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ เขาก็ทำได้แค่พยายามยิงสกัดคนร้ายและตะโกนบอกหญิงสาวเพื่อนร่วมชะตากรรมแบบบังเอิญให้วิ่งไปเรื่อยๆ อย่าหยุด!

_______________

จุฑารัตน์ถอนหายใจโล่งอก เมื่อร่างเล็กของเพื่อนสาววิ่งลงมาจากจุดชมวิว แต่ก็อดนึกเคืองในความรั้นของอีกฝ่ายไม่ได้ที่ดึงดันไปเที่ยวคนเดียวจนเธอเกือบหัวใจวายตายเมื่อได้ยินว่ามีการจับไม้เถื่อนบนนั้น

ด้านสีหนาท...ไล่ยิงเหล่าคนร้ายจนกระสุนหมด เกือบจะจนมุมอยู่แล้ว ถ้ารามหัวหน้าคนงานหนุ่มใหญ่หน้าเข้มจะไม่โผล่มาช่วย หลังจากนั้นสองหนุ่มต่างวัยก็โทร.แจ้งกรกช สารวัตรหนุ่มประจำท้องที่และเพื่อนรักของสีหนาท ให้ช่วยไปดักจับขบวนรถขนไม้เถื่อนที่กำลังหนี

แต่โชคร้าย...ขบวนรถของกรกชถูกเรือใบนับสิบ ทำให้ไปต่อไม่ได้ สีหนาทกับรามเลยต้องขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปลุยตามลำพัง ซึ่งสองหนุ่มก็เกือบทำสำเร็จ สกัดพวกตัดไม้เถื่อนได้ แต่รถมอเตอร์ไซค์ก็ต้องมาเสียหลักล้มไถลลงข้างทางเสียก่อน เพราะถูกรถยนต์ปริศนาพุ่งมาชน!

ศักดากับอดิสรนั่นเอง สองพ่อลูกเจ้าของกิจการค้าไม้และธุรกิจมืดหลายอย่าง คู่ปรับคนสำคัญของสีหนาท ที่เปิดประตูมาดูผลงานตัวเอง แต่เพื่อไม่ให้โฉ่งฉ่างเลยแกล้งทำเป็นตกใจ

“นายสิงห์นี่เอง คิดว่าใคร เป็นอะไรมากหรือเปล่า” ศักดาเป็นคนเปิดฉาก

“พวกเราไม่ได้ตั้งใจ รถคันเล็กๆแล่นเร็วๆก็เลยมองไม่เห็น” อดิสรเสริม

สีหนาทมองหน้ารามอย่างรู้กัน มั่นใจว่าการลักลอบตัดไม้เถื่อนครั้งนี้ต้องเป็นฝีมือสองพ่อลูก และเมื่อฝ่ายนั้นแสร้งยื่นมือมาช่วย เมื่อเห็นว่าเขามีแผลเลือดไหลที่แขน ก็ตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้า

“ช่วยตัวเองให้รอดซะก่อนเถอะพ่อเลี้ยง อย่านึกว่าตำรวจจะตามจับรถคันนั้นไม่ทัน”

“นั่นคนร้ายหรือ อยากจะตามไปช่วยจับให้จัง แต่แหม...มันโรยเรือใบไว้ตลอดทาง รอบคอบดีจริงๆ”

คำพูดของอดิสรทำให้สีหนาทโกรธจัด ตั้งท่าจะซัดอีกฝ่ายให้หายแค้น รามต้องห้ามไว้ ไม่ให้ผลีผลาม เช่นเดียวกับศักดา สุขุมและเจ้าแผนการกว่าลูกชายมาก และคิดว่าไม่ควรพูดอะไรให้เข้าตัวไปกว่านี้

“กล่าวหากันอย่างนี้ไม่ดีเลยนะ เราคนแวดวงเดียวกันแท้ๆ ขายไม้เหมือนๆกัน”

“ไม่เหมือนมั้งครับ ผมทำงานสุจริต แต่พ่อเลี้ยงน่ะไม่ใช่!”

ศักดากับอดิสรหน้าตึง หวิดจะมีเรื่องอยู่แล้วถ้ากรกชจะไม่ปรากฏตัว และเชิญสองพ่อลูกไปให้ปากคำที่โรงพัก อดิสรร้อนตัว ตั้งท่าจะโวยเหมือนเคย ศักดาต้องปรามด้วยสายตาและหันไปตอบตกลง

“ได้เลยครับสารวัตร ทางเรายินดีให้ความร่วมมือ ถ้าไม่มีหลักฐาน มันก็จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเราเอง”

สีหนาทสบตารามเครียดๆ ไม่ต่างกับกรกช รู้ดีว่าสองพ่อลูกเป็นตัวการแน่ แต่ก็ไม่มีหลักฐาน

หลังแยกจากพวกสีหนาท ใบหน้ายิ้มแย้มของศักดากับอดิสรก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด ด้วยสำเนียกได้ว่าแผนลักลอบตัดไม้ของพวกตนเริ่มติดขัด ถูกพวกสีหนาทกับตำรวจดักจับ

“ไอ้สิงห์...สอดมือสอดเท้ามาเสือกดีนัก มันต้องเจอดีสักวัน!”

ศักดากลัวความใจร้อนของลูกชายคนเดียวจะทำให้เสียแผน เลยรีบดักคอ

“หลังจากนี้ให้แกเก็บตัวนิ่งๆ...เราจะเสียงานใหญ่ไม่ได้”

อดิสรเบิกตาโต รู้ดีว่าพ่อหมายถึงงานไหน ศักดายิ้มเย็น ก่อนจะสั่งทิ้งท้ายเสียงเข้ม

“ใช่...มันได้เวลาแล้ว ช่วงนี้ห้ามทำตัวมีพิรุธหรือให้ใครสงสัยเราระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ฉันจะลงไปกรุงเทพฯเย็นนี้”

_______________

นารากลับถึงคฤหาสน์วรรณพาณิชในเย็นวันเดียวกัน โดยมีจุฑารัตน์ไปส่งถึงด้านหน้า พร้อมกำชับไม่ให้เธอบอกตาถึงเหตุการณ์เฉียดตายก่อนหน้านี้ คุณหนูร่างเล็กรับปากอย่างดี เพราะกลัวไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนอีก

เพชรสีกับชไมพร สองสะใภ้จอมซุบซิบของวรรณ ได้ยินว่านาราไปเที่ยวกับเพื่อนก็อดค่อนแคะไม่ได้

“ดีนะ...พี่น้องคนอื่นช่วยกันทำงานงกๆ นี่มีแต่ผลาญเงินไปวันๆ”

“อ๊ะ...ก็นั่นเขาลูกใครล่ะ แม่กับลูกมันจะหนีกันสักเท่าไหร่”


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.thairath.co.th/ent/novel/tamrakkruanjai/ch1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น